วันนี้ เข่าเสื่อม.net มีแบบทดสอบง่ายๆ ที่จะทำให้รู้ว่า คุณกำลังมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรค “ข้อเสื่อม” อยู่หรือไม่? มาให้ลองทำกัน ก่อนที่จะอ่านเนื้อหาด้านล่างค่ะ ถ้าทุกคนพร้อมแล้ว ก็ไปตอบคำถามกันเลย สำหรับใครที่ตอบว่าใช่มากกว่า 3 ข้อ ก็เตรียมอ่านต่อได้เลยนะคะ เพราะคุณอาจกำลังเสี่ยงที่จะเป็นโรคข้อเสื่อมได้
- มีอาการปวดข้อมานานเกิน 1 เดือนครึ่ง (6 สัปดาห์)
- อาการปวด เริ่มมาจากการปวดเป็นข้อๆ เพียง 1 – 2 ข้อก่อน เช่น ข้อมือ ข้อศอก ข้อเข่าฯลฯ
- ระดับความปวด อยู่ที่น้อย ถึง ปานกลาง และอาจมีอาการปวดมากขึ้นเมื่อต้องลงน้ำหนักที่บริเวณนั้น หรือใช้งานบริเวณนั้น
- อาการปวดจะน้อยลง หรือดีขึ้น เมื่อได้พักส่วนนั้นๆ
- ค่อยๆ ปวดในบริเวณนั้นๆ เริ่มจากน้อยๆ ก่อน แล้วค่อยๆ ปวดมากขึ้นช้าๆ ไม่ได้ปวดแบบกะทันหัน
- จะรู้สึกข้อฝืดตึงในตอนเช้า แต่จะมีอาการอยู่ไม่นาน (ไม่เกิน 30 นาที)
- มีอาการขาอ่อนแรง หรือเข่าพับ ขณะเดินๆ อยู่ดีๆ
- มีอาการบวมร่วมด้วยเล็กน้อย บริเวณรอบๆ ข้อ ที่มีอาการปวด
- ปวดส่วนไหน ข้อบริเวณส่วนนั้นจะไม่สามารถยืดตึงได้สุด เช่น กางแขน หรือ กางขา ได้ไม่สุด หากมีอาการปวดข้อศอก หรือข้อเข่า
- มีเสียงดังกรอบแกรบเมื่อขยับอวัยวะนั้นๆ
- ข้อนิ้วแข็ง และ โตขึ้น ถอดหรือสวมแหวนได้ลำบาก
หากใครที่ตอบว่า “ใช่” เกิน 3 ข้อขึ้นไป นั่นแสดงว่าคุณกำลังเสี่ยงที่จะเป็นโรคข้อเสื่อม หรืออักเสบ ควรไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจโดยละเอียดอีกครั้ง
ผู้ที่มีความเสี่ยงเป็นโรคข้อเสื่อม
– ผู้สูงอายุไม่ว่าจะเป็นชาย หรือหญิง อายุระหว่าง 50 – 60 ปี หรืออาจมีอายุน้อยกว่านี้ก็ได้ (โดยพบว่าผู้หญิงมีโอกาสเป็นข้อเสื่อมมากกว่า)
– ผู้ที่มีโครงสร้างทางร่างกาย หรือข้อต่างๆ ผิดปกติมาตั้งแต่กำเนิด หรือหลังจากได้รับอุบัติเหตุรุนแรง
– ผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากเกินค่ามาตรฐาน
– ผู้ที่มีกล้ามเนื้อต้นขาไม่แข็งแรง
– ผู้ที่ใช้งานร่างกายอย่างหักโหม
4 วิธีลดความเสี่ยงในการเป็นโรคข้อเสื่อม
- สร้างกล้ามเนื้อในร่างกายให้แข็งแรงด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- ควบคุมน้ำหนักให้พอดี ไม่ให้เกินค่ามาตรฐาน
- ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และเสริมสร้างกระดูกด้วยอาหารที่มีแคลเซียม และ วิตามิน D เช่น นม, ปลาเล็กปลาน้อย, ผักใบเขียว
- หากมีอาการปวดตามข้อบ่อยๆ หรือนานๆ ควรรีบไปพบแพทย์ก่อนที่อาการจะรุนแรงขึ้น
ในปัจจุบัน ผู้ที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อมเริ่มมีอายุน้อยลงทุกที ไม่ได้จำกัดแค่ผู้สูงอายุอีกต่อไป เนื่องจากอาหารที่รับประทานเข้าไป อาจไม่มีประโยชน์หรือมีสารอาหารที่ดีพอ น้ำหนักตัวที่มากเกินมาตรฐาน รวมถึงในบางคนที่มีความผิดปกติทางร่างกายที่อาจทำให้กระดูกไม่แข็งแรงเท่าที่ควร ล้วนมีส่วนทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้ได้มากกว่าคนอื่น แต่อย่างไรก็ตาม การหมั่นสังเกตตัวเอง และปรึกษาแพทย์เมื่อมีอาการข้างต้น จะเป็นวิธีที่ดีที่สุดค่ะ
ขอขอบคุณ
ข้อมูล : http://www.amarinpocketbook.com/Book_Detail.aspx?BID=6251
ภาพ : https://health.mthai.com/howto/health-care/16009.html
เรียบเรียง : ลองกานอยด์