11 คำถาม ที่จะทำให้รู้ว่า คุณกำลังมีความเสี่ยงเป็นโรค “ข้อเสื่อม” อยู่หรือไม่?

อาการ ข้อเสื่อม ข้ออักเสบ

วันนี้ เข่าเสื่อม.net มีแบบทดสอบง่ายๆ ที่จะทำให้รู้ว่า คุณกำลังมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรค “ข้อเสื่อมอยู่หรือไม่มาให้ลองทำกัน ก่อนที่จะอ่านเนื้อหาด้านล่างค่ะ ถ้าทุกคนพร้อมแล้ว ก็ไปตอบคำถามกันเลย สำหรับใครที่ตอบว่าใช่มากกว่า 3 ข้อ ก็เตรียมอ่านต่อได้เลยนะคะ เพราะคุณอาจกำลังเสี่ยงที่จะเป็นโรคข้อเสื่อมได้

  1. มีอาการปวดข้อมานานเกิน 1 เดือนครึ่ง (6 สัปดาห์)
  2. อาการปวด เริ่มมาจากการปวดเป็นข้อๆ เพียง 1 – 2 ข้อก่อน เช่น ข้อมือ ข้อศอก ข้อเข่าฯลฯ
  3. ระดับความปวด อยู่ที่น้อย ถึง ปานกลาง และอาจมีอาการปวดมากขึ้นเมื่อต้องลงน้ำหนักที่บริเวณนั้น หรือใช้งานบริเวณนั้น
  4. อาการปวดจะน้อยลง หรือดีขึ้น เมื่อได้พักส่วนนั้นๆ
  5. ค่อยๆ ปวดในบริเวณนั้นๆ เริ่มจากน้อยๆ ก่อน แล้วค่อยๆ ปวดมากขึ้นช้าๆ ไม่ได้ปวดแบบกะทันหัน
  6. จะรู้สึกข้อฝืดตึงในตอนเช้า แต่จะมีอาการอยู่ไม่นาน (ไม่เกิน 30 นาที)
  7. มีอาการขาอ่อนแรง หรือเข่าพับ ขณะเดินๆ อยู่ดีๆ
  8. มีอาการบวมร่วมด้วยเล็กน้อย บริเวณรอบๆ ข้อ ที่มีอาการปวด
  9. ปวดส่วนไหน ข้อบริเวณส่วนนั้นจะไม่สามารถยืดตึงได้สุด เช่น กางแขน หรือ กางขา ได้ไม่สุด หากมีอาการปวดข้อศอก หรือข้อเข่า
  10. มีเสียงดังกรอบแกรบเมื่อขยับอวัยวะนั้นๆ
  11. ข้อนิ้วแข็ง และ โตขึ้น ถอดหรือสวมแหวนได้ลำบาก

หากใครที่ตอบว่า “ใช่” เกิน 3 ข้อขึ้นไป นั่นแสดงว่าคุณกำลังเสี่ยงที่จะเป็นโรคข้อเสื่อม หรืออักเสบ ควรไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจโดยละเอียดอีกครั้ง

ผู้ที่มีความเสี่ยงเป็นโรคข้อเสื่อม

– ผู้สูงอายุไม่ว่าจะเป็นชาย หรือหญิง อายุระหว่าง 50 – 60 ปี หรืออาจมีอายุน้อยกว่านี้ก็ได้ (โดยพบว่าผู้หญิงมีโอกาสเป็นข้อเสื่อมมากกว่า)
– ผู้ที่มีโครงสร้างทางร่างกาย หรือข้อต่างๆ ผิดปกติมาตั้งแต่กำเนิด หรือหลังจากได้รับอุบัติเหตุรุนแรง
– ผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากเกินค่ามาตรฐาน
– ผู้ที่มีกล้ามเนื้อต้นขาไม่แข็งแรง
– ผู้ที่ใช้งานร่างกายอย่างหักโหม

4 วิธีลดความเสี่ยงในการเป็นโรคข้อเสื่อม

  1. สร้างกล้ามเนื้อในร่างกายให้แข็งแรงด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  2. ควบคุมน้ำหนักให้พอดี ไม่ให้เกินค่ามาตรฐาน
  3. ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และเสริมสร้างกระดูกด้วยอาหารที่มีแคลเซียม และ วิตามิน D เช่น นม, ปลาเล็กปลาน้อย, ผักใบเขียว
  4. หากมีอาการปวดตามข้อบ่อยๆ หรือนานๆ ควรรีบไปพบแพทย์ก่อนที่อาการจะรุนแรงขึ้น

ในปัจจุบัน ผู้ที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อมเริ่มมีอายุน้อยลงทุกที ไม่ได้จำกัดแค่ผู้สูงอายุอีกต่อไป เนื่องจากอาหารที่รับประทานเข้าไป อาจไม่มีประโยชน์หรือมีสารอาหารที่ดีพอ น้ำหนักตัวที่มากเกินมาตรฐาน รวมถึงในบางคนที่มีความผิดปกติทางร่างกายที่อาจทำให้กระดูกไม่แข็งแรงเท่าที่ควร ล้วนมีส่วนทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้ได้มากกว่าคนอื่น แต่อย่างไรก็ตาม การหมั่นสังเกตตัวเอง และปรึกษาแพทย์เมื่อมีอาการข้างต้น จะเป็นวิธีที่ดีที่สุดค่ะ

ขอขอบคุณ
ข้อมูล : http://www.amarinpocketbook.com/Book_Detail.aspx?BID=6251
ภาพ : https://health.mthai.com/howto/health-care/16009.html
เรียบเรียง : ลองกานอยด์

6 ประเภท อาหารบำรุงข้อ ต้านภัยข้อเข่าเสื่อม

ข้อเข่าเสื่อม

อาหารบำรุงข้อ สำคัญอย่างไร เมื่อพูดถึงเรื่องอาหารการกิน ล้วนส่งผลดีและผลเสียต่อข้อได้ หากทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์จะยิ่งเร่งให้ข้อเสื่อมได้เร็วยิ่งขึ้น ดังนั้นเรามาดูกันว่า ควรทาน อาหารบำรุงข้อ อย่างไรเพื่อให้ข้อแข็งแรง

  1. ควรทานอาหารที่อุดมไปด้วยแคลเซียมเพราะแร่ธาตุชนิดนี้ช่วยสร้างความแข็งแรงให้กระดูกและลดความเสี่ยงการเกิดโรคกระดูกพรุน อาหารที่เป็นแหล่งแคลเซียมที่สำคัญ ได้แก่ เนยแข็ง โยเกิร์ต แต่ควรเลือกชนิดไขมันต่ํา ผักสีเขียว คะน้า บรอกโคลี ปลาเล็กปลาน้อยที่เคี้ยวทั้งกระดูกได้ ปลาเค็ม เต้าหู้ งาดํา
  2. ทานส้มหรือผลไม้รสเปรี้ยวแทนขนมจะดีต่อสุขภาพข้อมากกว่าเนื่องจากมีงานวิจัยสนับสนุนว่า วิตามินซีและสารแอนตี้ออกซิแดนท์ (antioxidant) ในส้ม หรือผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคข้อเสื่อมได้
  3. เพิ่มสีสันให้อาหารของคุณทานผักและผลไม้ที่มีสีสันหลากหลาย เช่น แครอตสีส้ม  มะเขือเทศสีแดง ฟักทองและข้าวโพดสีเหลือง กะหล่ําปลีสีม่วง ผักใบเขียวชนิดต่างๆ เพราะในผักและผลไม้เหล่านี้อุดมไปด้วยเส้นใยอาหาร สารแอนตี้ออกซิแดนท์ (antioxidant) ซึ่งเป็นสารอาหารบํารุงข้อ
  4. ทานปลาทะเลน้ําลึกอย่างน้อย 2-3ครั้ง/สัปดาห์โดยเฉพาะปลาแมคเคอเรล และ ปลาแซลมอน เพราะมีกรดไขมันโอเมก้า-3 (Omega 3) สูง จากงานวิจัยพบว่า สารอาหารชนิดนี้สามารถช่วยให้ข้อแข็งแรงและลดอาการปวดและอักเสบในผู้ป่วยที่เป็นโรคข้ออักเสบได้ โดยหลีกเลี่ยงการปรุงด้วยวิธีผัดหรือทอด แนะนําให้ใช้วิธีนึ่งหรือย่างแทนเพื่อลดปริมาณแคลอรีจากน้ํามัน
  5. ลดการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน (Caffeine)คุณอาจต้องการเพิ่มพลังหรือปลุกตัวเองให้ตื่นในตอนเช้าด้วยกาแฟหอมกรุ่น แต่ควรงดกาแฟแก้วที่ 2 และ 3 ระหว่างวันลง เพราะสารคาเฟอีนในกาแฟจะทําให้ร่างกายขับแคลเซียมออกมาทางปัสสาวะ ส่งผลให้ระดับแคลเซียมในร่างกายเสียสมดุล จึงเกิดการสลายแคลเซียมในกระดูกมาใช้แทน นอกจากนี้ยังมีการศึกษาพบว่า การดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนในปริมาณมากเกินไปจะทําให้มวลกระดูกบางลง
  6. ทานอาหารให้หลากหลายเพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามินครบถ้วนหากทําไม่ได้ อาจทานวิตามินรวมเสริม ซึ่งการทานวิตามินรวมจะทําให้คุณได้รับวิตามินและแร่ธาตุที่ขาดไป เช่น วิตามินซีช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อ วิตามินเค และ แคลเซียม มีส่วนช่วยในการสร้างกระดูก วิตามินอี และ กรดโฟลิก(Folic acid) ช่วยบํารุงกล้ามเนื้อรอบๆ ข้อ

เพียงเท่านี้ก็สามารถยืดอายุข้อต่อทั่วร่างกายของเราให้คงประสิทธิภาพไว้ให้นานแสนนาน

หัวข้อที่เกี่ยวข้อง : เซ็นโทร (Centro) ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร สำหรับบำรุงข้อเข่า

ข้อมูลจาก : นิตยสารชีวจิต ฉบับที่ 389
ภาพ :  daily.bangkokbiznews.com
เรียบเรียง : เซ็นโทร (Centro)